ขจัดคราบบนพรมให้หายวับด้วยเครื่องซักผ้า
คุณทำความสะอาดพรมที่บ้านบ่อยเเค่ไหน? ถึงแม้พรมจะช่วยให้การตกแต่งบ้านของคุณดูอบอุ่นขึ้น แต่ในขณะเดียวกันพรมก็สามารถเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค อีกทั้งยังเป็นแหล่งสะสมกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ทำให้บ้านของคุณมีกลิ่นอับชื้นตามไปด้วย การทำความสะอาดพรมจึงเป็นเรื่องที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพรมเช็ดเท้าหรือพรมปูพื้นก็ควรได้รับการรับความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ ในวันนี้เรามีวิธีการทำความสะอาดพรมและการซักพรมผืนเล็กด้วยเครื่องซักผ้าทางด้านล่างนี้
ทำไมถึงต้องซักพรม ?
เชื้อโรคที่สะสมอยู่บนพรมนั้นคือแหล่งเชื้อโรคที่สามารถทำอันตรายให้กับร่างกายของเราจากการสูดดมเชื้อโรค รวมไปถึงมด แมลงตัวเล็ก ตัวริ้นไร และฝุ่นต่างๆ ที่ซ่อนเร้นในพรม ล้วนก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือผดผื่นขึ้นตามใบหน้าและลำตัวได้ กลิ่นจากการทำอาหารหรือเหงื่อที่เท้าก็สามารถทำให้พรมเกิดการอับชื้นและเกิดกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน เชื้อราและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในพรมก็จะปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าออกอยู่ทุกวันและอาจนำไปสู่โรคภูมิแพ้หรือปัญหาหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย
วิธีซักพรมปูพื้น
ก่อนอื่นหากมีสิ่งสกปรกหรือคราบสกปรกเลอะบนพรม คุณควรทำความสะอาดคราบต่างๆ ให้หมดก่อน หากเป็นคราบน้ำคุณสามารถใช้ผ้าที่มีประสิทธิภาพในการซับน้ำ เช่น ไมโครไฟเบอร์ ค่อยๆ ซับคราบน้ำบนพรมโดยไม่ควรเช็ดหรือถูขยี้เพื่อป้องกันไม่ให้พรมเสียหาย เมื่อทำความสะอาดพรมจนคิดว่าคราบได้ถูกซับออกไปได้มากที่สุดเเล้ว ให้ใช้ผงฟู ( เบกกิ้งโซดา ) โรยไว้บนพรมโดยควรทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก่อนใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เหลือจากคราบน้ำ เช่น เศษอาหาร เป็นต้น แต่หากเป็นสิ่งสกปรกทั่วไปคุณสามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดได้เลย ส่วนการโรยผงฟูจะดูดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้ออกจากพรมได้อีกด้วย สำหรับการซักนั้น ก่อนอื่นผสมน้ำยา #ซักพรม กับน้ำอุ่นแล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นให้นำแปรงขัดผ้าจุ่มลงในส่วนผสมแล้วใช้แปรงถูลงบนพรมในลักษณะวนไปมาให้ทั่วบริเวณ จากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ ซับน้ำยาซักที่เหลืออยู่บนพรมออกให้ได้มากที่สุด แล้วทิ้งไว้จนแห้ง โดยควรเปิดหน้าต่างหรือประตูบ้านทิ้งไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกและช่วยให้พรมแห้งเร็วโดยปราศจากกลิ่นอับชื้น คุณสามารถใช้ไดร์เป่าผมหรือพัดลมช่วยในการตากพรมได้
เชื้อโรคที่สะสมอยู่บนพรมนั้นคือแหล่งเชื้อโรคที่สามารถทำอันตรายให้กับร่างกายของเราจากการสูดดมเชื้อโรค รวมไปถึงมด แมลงตัวเล็ก ตัวริ้นไร และฝุ่นต่างๆ ที่ซ่อนเร้นในพรม ล้วนก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือผดผื่นขึ้นตามใบหน้าและลำตัวได้ กลิ่นจากการทำอาหารหรือเหงื่อที่เท้าก็สามารถทำให้พรมเกิดการอับชื้นและเกิดกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน เชื้อราและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในพรมก็จะปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าออกอยู่ทุกวันและอาจนำไปสู่โรคภูมิแพ้หรือปัญหาหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย
วิธีซักพรมปูพื้น
ก่อนอื่นหากมีสิ่งสกปรกหรือคราบสกปรกเลอะบนพรม คุณควรทำความสะอาดคราบต่างๆ ให้หมดก่อน หากเป็นคราบน้ำคุณสามารถใช้ผ้าที่มีประสิทธิภาพในการซับน้ำ เช่น ไมโครไฟเบอร์ ค่อยๆ ซับคราบน้ำบนพรมโดยไม่ควรเช็ดหรือถูขยี้เพื่อป้องกันไม่ให้พรมเสียหาย เมื่อทำความสะอาดพรมจนคิดว่าคราบได้ถูกซับออกไปได้มากที่สุดเเล้ว ให้ใช้ผงฟู ( เบกกิ้งโซดา ) โรยไว้บนพรมโดยควรทิ้งไว้อย่างน้อย 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงก่อนใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เหลือจากคราบน้ำ เช่น เศษอาหาร เป็นต้น แต่หากเป็นสิ่งสกปรกทั่วไปคุณสามารถใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดได้เลย ส่วนการโรยผงฟูจะดูดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์ให้ออกจากพรมได้อีกด้วย สำหรับการซักนั้น ก่อนอื่นผสมน้ำยา #ซักพรม กับน้ำอุ่นแล้วตีให้เข้ากัน จากนั้นให้นำแปรงขัดผ้าจุ่มลงในส่วนผสมแล้วใช้แปรงถูลงบนพรมในลักษณะวนไปมาให้ทั่วบริเวณ จากนั้นให้ใช้ผ้าสะอาดค่อยๆ ซับน้ำยาซักที่เหลืออยู่บนพรมออกให้ได้มากที่สุด แล้วทิ้งไว้จนแห้ง โดยควรเปิดหน้าต่างหรือประตูบ้านทิ้งไว้เพื่อให้อากาศถ่ายเทสะดวกและช่วยให้พรมแห้งเร็วโดยปราศจากกลิ่นอับชื้น คุณสามารถใช้ไดร์เป่าผมหรือพัดลมช่วยในการตากพรมได้
วิธีซักพรม บ้านผืนเล็กด้วยเครื่องซักผ้าในบ้านคุณ
เชื้อโรคที่สะสมอยู่บนพรมนั้นคือแหล่งเชื้อโรคที่สามารถทำอันตรายให้กับร่างกายของเราจากการสูดดมเชื้อโรค รวมไปถึงมด แมลงตัวเล็ก ตัวริ้นไร และฝุ่นต่างๆ ที่ซ่อนเร้นในพรม ล้วนก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือผดผื่นขึ้นตามใบหน้าและลำตัวได้ กลิ่นจากการทำอาหารหรือเหงื่อที่เท้าก็สามารถทำให้พรมเกิดการอับชื้นและเกิดกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน เชื้อราและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในพรมก็จะปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าออกอยู่ทุกวันและอาจนำไปสู่โรคภูมิแพ้หรือปัญหาหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย
วิธีซักพรมปูพื้น
หากเป็นพรมผืนเล็กที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก คุณสามารถสะบัดสิ่งสกปรกหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อนนำไปซัก แต่ไม่ควร #ซักพรม เช็ดเท้าร่วมกับเสื้อผ้าตัวอื่นๆ ในเครื่องซักผ้า เนื่องจากพรมเช็ดเท้าอาจสกปรกมากกว่าเสื้อผ้าที่จะซัก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าตัวอื่นขณะซัก คุณควรแยกซักพรมเช็ดเท้าต่างหาก ให้เลือกโปรแกรมการซักแบบถนอมผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ลายทักทอของพรมเสียหาย ควรเลือกอุณภูมิน้ำอุ่นในการ #ซักพรม เพราะน้ำอุ่นสามารถทำความสะอาดคราบสกปรกให้หลุดออกได้ง่ายกว่าน้ำเย็นเเต่หากพรมของคุณมีสีสด คุณไม่ควรซักด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เพราะน้ำร้อนสามารถทำให้สีของผ้าซีดจางลงได้อย่างรวดเร็ว ควรเลือกน้ำยาซักผ้าในการทำความสะอาดเพราะน้ำยาซักผ้าสามารถละลายในน้ำได้ดีกว่ารูปแบบผง จึงสามารถเข้าทำความสะอาดคราบหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ทิ้งสารตกค้างบนพรมและเครื่องซักผ้าที่สามารถนำไปสู่การเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้น สุดท้ายตากพรมเช็ดเท้าในที่โล่งแจ้งที่มีแสงแดดส่องถึง และมีอากาศถ่ายเท แสงแดดมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคและยังช่วยให้พรมปูพื้นของคุณแห้งเร็วขึ้นอีกด้วย
เชื้อโรคที่สะสมอยู่บนพรมนั้นคือแหล่งเชื้อโรคที่สามารถทำอันตรายให้กับร่างกายของเราจากการสูดดมเชื้อโรค รวมไปถึงมด แมลงตัวเล็ก ตัวริ้นไร และฝุ่นต่างๆ ที่ซ่อนเร้นในพรม ล้วนก่อให้เกิดโรคที่เกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจหรือผดผื่นขึ้นตามใบหน้าและลำตัวได้ กลิ่นจากการทำอาหารหรือเหงื่อที่เท้าก็สามารถทำให้พรมเกิดการอับชื้นและเกิดกลิ่นเหม็นที่ไม่พึงประสงค์ได้เช่นกัน เชื้อราและแบคทีเรียที่สะสมอยู่ในพรมก็จะปนเปื้อนอยู่ในอากาศที่เราหายใจเข้าออกอยู่ทุกวันและอาจนำไปสู่โรคภูมิแพ้หรือปัญหาหาเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจได้อีกด้วย
วิธีซักพรมปูพื้น
หากเป็นพรมผืนเล็กที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก คุณสามารถสะบัดสิ่งสกปรกหรือใช้เครื่องดูดฝุ่นดูดสิ่งสกปรกออกให้หมดก่อนนำไปซัก แต่ไม่ควร #ซักพรม เช็ดเท้าร่วมกับเสื้อผ้าตัวอื่นๆ ในเครื่องซักผ้า เนื่องจากพรมเช็ดเท้าอาจสกปรกมากกว่าเสื้อผ้าที่จะซัก ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้สิ่งสกปรกเลอะเปรอะเปื้อนเสื้อผ้าตัวอื่นขณะซัก คุณควรแยกซักพรมเช็ดเท้าต่างหาก ให้เลือกโปรแกรมการซักแบบถนอมผ้าเพื่อป้องกันไม่ให้ลายทักทอของพรมเสียหาย ควรเลือกอุณภูมิน้ำอุ่นในการ #ซักพรม เพราะน้ำอุ่นสามารถทำความสะอาดคราบสกปรกให้หลุดออกได้ง่ายกว่าน้ำเย็นเเต่หากพรมของคุณมีสีสด คุณไม่ควรซักด้วยอุณหภูมิที่สูงกว่า 40 องศาเซลเซียส เพราะน้ำร้อนสามารถทำให้สีของผ้าซีดจางลงได้อย่างรวดเร็ว ควรเลือกน้ำยาซักผ้าในการทำความสะอาดเพราะน้ำยาซักผ้าสามารถละลายในน้ำได้ดีกว่ารูปแบบผง จึงสามารถเข้าทำความสะอาดคราบหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพและไม่ทิ้งสารตกค้างบนพรมและเครื่องซักผ้าที่สามารถนำไปสู่การเกิดเชื้อราและกลิ่นอับชื้น สุดท้ายตากพรมเช็ดเท้าในที่โล่งแจ้งที่มีแสงแดดส่องถึง และมีอากาศถ่ายเท แสงแดดมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อโรคและยังช่วยให้พรมปูพื้นของคุณแห้งเร็วขึ้นอีกด้วย